• Home
  • บทความ
  • 10 แข้งพรีเมียร์ลีกที่ย้ายทีมแล้วผลงานพุ่งแรงเกินคาด

10 แข้งพรีเมียร์ลีกที่ย้ายทีมแล้วผลงานพุ่งแรงเกินคาด

10 แข้งพรีเมียร์ลีกที่ย้ายทีมแล้วผลงานพุ่งแรงเกินคาด

ย้ายทีมแล้วผลงานพุ่งแรง

การย้ายทีมในพรีเมียร์ลีกอาจเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่บางครั้งมันคือจุดเปลี่ยนที่พานักเตะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง รายชื่อที่กำลังจะกล่าวถึงนี้คือผู้เล่นที่ตัดสินใจ ย้ายทีมแล้วผลงานพุ่งแรง ก้าวออกจากพื้นที่เดิมแล้วสร้างผลงานได้อย่างน่าทึ่งในสีเสื้อใหม่ บางคนอาจเคยถูกมองข้ามหรือประเมินต่ำเกินไปในต้นสังกัดเดิม แต่เมื่อเปลี่ยนทีม ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นสถิติการยิงประตู การแอสซิสต์ หรือความสำคัญต่อแท็กติกของทีม ล้วนสะท้อนถึงการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม บทบาทในทีมใหม่ที่ชัดเจนขึ้นช่วยปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขา แต่ละรายชื่อไม่ได้วัดจากค่าตัวเพียงอย่างเดียว แต่พิจารณาจากผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในสนามและผลกระทบต่อทีมโดยตรง โดยรายชื่อ 10 คนนี้ไม่ได้จัดอันดับตามฝีเท้า แต่จัดเรียงเพื่อสะท้อนภาพรวมของการย้ายทีมที่ส่งผลดีอย่างเด่นชัดที่สุดในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้แฟนบอลและผู้ติดตามได้ย้อนมองการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เปลี่ยนทิศทางของอาชีพค้าแข้งไปตลอดกาล

หัวข้อข่าว

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – จากโรม่า สู่ตำนานลิเวอร์พูล

หลังจากล้มเหลวกับเชลซีในช่วงแรกของการค้าแข้งในอังกฤษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เลือกเดินทางกลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในปี 2017 ด้วยการย้ายจากโรม่าไปยังลิเวอร์พูล หลายคนมองว่าการเซ็นสัญญานี้อาจเป็นการเดิมพันที่เสี่ยง แต่เพียงแค่ฤดูกาลแรก ซาลาห์ก็ทำลายสถิติยิงประตูของลีกทันที ด้วยความเร็ว ความเฉียบคม และสัญชาตญาณการทำประตูที่เฉียบขาด เขากลายเป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูลในทุกแคมเปญ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำพาสโมสรไปสู่ความสำเร็จทั้งในประเทศและยุโรป ความสม่ำเสมอในการยิงประตูตลอดหลายฤดูกาลยังพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่คือกองหน้าระดับโลกอย่างแท้จริง ซาลาห์ยังได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีจากหลายสถาบัน และได้รับการยกย่องจากทั้งแฟนบอลและนักวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลโดยสิ้นเชิง การที่เขาสามารถกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกและพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดนั้นคือหลักฐานชัดเจนว่าแรงผลักดันและโอกาสที่เหมาะสมสามารถทำให้ใครบางคนกลายเป็นยอดนักเตะในลีกที่โหดที่สุดของโลกได้

เควิน เดอ บรอยน์ – การคืนลีกอังกฤษที่สมบูรณ์แบบ

เควิน เดอ บรอยน์ เคยถูกมองข้ามจากเชลซีและเลือกเส้นทางใหม่ที่ต่างออกไป เขาไปสร้างชื่อกับโวล์ฟสบวร์กในเยอรมนี ก่อนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะพาเขากลับมาสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2015 ซึ่งนับว่าเป็นการย้ายทีมที่เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของมิดฟิลด์ตัวรุกในลีกอย่างสิ้นเชิง ด้วยวิสัยทัศน์การจ่ายบอล ความแม่นยำ และความสามารถในการควบคุมจังหวะเกม เดอ บรอยน์กลายเป็นหัวใจของเกมรุกของซิตี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เพียงแค่แอสซิสต์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังมีความสามารถในการยิงไกล และการพาบอลผ่านแนวรับได้อย่างชาญฉลาด ทุกฤดูกาลที่เขาลงสนามคือการแสดงความสม่ำเสมอและคุณภาพในระดับสูง การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่างเฉียบขาดทำให้เขากลายเป็นศูนย์กลางของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายสมัย การย้ายครั้งนั้นจึงไม่ใช่แค่การกลับมา แต่คือการคืนชีพของหนึ่งในกองกลางที่ครบเครื่องที่สุดในยุคนี้ และกลายเป็นต้นแบบของมิดฟิลด์ในพรีเมียร์ลีกอย่างชัดเจน

บรูโน่ แฟร์นันด์ส – เปลี่ยนแนวทางของแมนยู

ในช่วงที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มผันผวน การมาถึงของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จากสปอร์ติ้ง ลิสบอนในปี 2020 คือสิ่งที่เปลี่ยนสมดุลในแดนกลางของทีมอย่างชัดเจน เขาไม่ได้ใช้เวลานานในการปรับตัว แต่กลับระเบิดฟอร์มและมีส่วนร่วมกับประตูแทบทุกนัดที่ลงเล่น จุดแข็งของบรูโน่คือความมุ่งมั่น ความกล้าเล่น และทักษะในการจ่ายบอลที่เฉียบคม ไม่ว่าจะเป็นการวางบอลยาวหรือการผ่านบอลทะลุช่อง เขาทำได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีสไตล์การเล่นที่ผสมผสานระหว่างคลาสสิกและทันสมัย ความมั่นใจในการรับผิดชอบลูกจุดโทษและลูกตั้งเตะ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เขากลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของทีม แม้แมนยูจะยังไม่สามารถกลับไปสู่จุดสูงสุดได้ในทันที แต่การย้ายทีมของบรูโน่คือหมุดหมายสำคัญที่ฟื้นคืนความหวังให้กับแฟนบอล เขาคือหนึ่งในดีลที่คุ้มค่าที่สุดของพรีเมียร์ลีกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ – จากเลสเตอร์สู่หัวใจสิงห์

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แจ้งเกิดกับเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยฟอร์มที่ไม่ธรรมดาจนพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างมหัศจรรย์ และเพียงไม่นาน เชลซีก็ดึงเขาไปร่วมทีม การย้ายทีมครั้งนั้นเป็นการยืนยันว่าเขาไม่ใช่ดาวรุ่งที่ฟอร์มดีเพียงชั่วคราว แต่คือมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุโรป ด้วยการอ่านเกมที่แม่นยำ วิ่งไม่มีหมด และการแย่งบอลที่เฉียบขาด ก็องเต้กลายเป็นกำแพงเคลื่อนที่ให้กับทีม ความทุ่มเทและความเงียบขรึมของเขากลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่ง เขาช่วยเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ทันทีในฤดูกาลแรก และยังคงเป็นกำลังสำคัญในเกมยุโรป การย้ายทีมของเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนสีเสื้อ แต่เป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับเกมรับของทีมที่เขาลงเล่น

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค – เสาหลักแห่งแนวรับหงส์แดง

ก่อนที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จะย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลในปี 2018 แนวรับของทีมถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องความไม่มั่นคง แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ บรรยากาศทุกอย่างเปลี่ยนไป เขาคือกองหลังที่มีครบทั้งรูปร่าง ความนิ่ง และวิธีการอ่านเกมที่เฉียบคม การสกัดบอลที่แม่นยำไม่ใช่เพียงแค่หยุดเกมคู่แข่ง แต่ยังเปิดโอกาสให้ทีมเปลี่ยนเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็ว ฟาน ไดจ์ค ยังเป็นผู้นำทั้งในสนามและนอกสนาม คอยควบคุมไลน์แนวรับให้มีระเบียบและมั่นคง ความสำเร็จของลิเวอร์พูลในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ล้วนมีฟาน ไดจ์คเป็นฟันเฟืองหลัก นี่คือการย้ายทีมที่เปลี่ยนสมดุลของทั้งสโมสรและลีกอย่างแท้จริง เขาไม่เพียงแต่เสริมแนวรับให้แข็งแกร่ง แต่ยังยกระดับการเล่นของเพื่อนร่วมทีมรอบข้างไปพร้อมกัน

อิลคาย กุนโดกัน – หัวใจเกมรุกซิตี้

อิลคาย กุนโดกัน ย้ายจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในยุคที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเพิ่งเข้ามาคุมทีม เขาอาจจะไม่ใช่ผู้เล่นที่หวือหวาเหมือนเพื่อนร่วมทีมหลายคน แต่ความเข้าใจเกม ความสามารถในการเปลี่ยนจังหวะ และสัญชาตญาณการหาพื้นที่ในเขตอันตราย ทำให้เขาเป็นกองกลางที่ขาดไม่ได้ในทีม ความยืดหยุ่นในการเล่นทั้งเป็นเบอร์ 6, 8 หรือแม้กระทั่งเบอร์ 10 ทำให้เป๊ปมีอิสระในการจัดแผนมากขึ้น ยิ่งในฤดูกาลที่ซิตี้ลุ้นแชมป์ เขาคือผู้เล่นที่ก้าวขึ้นมาทำประตูสำคัญในหลายเกม โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูกาลที่เขายิงประตูแบบไม่กั๊ก ความนิ่งและประสบการณ์ของเขาในเกมใหญ่ทำให้เขากลายเป็นตัวจริงที่เป๊ปไว้วางใจมาโดยตลอด การย้ายทีมของเขาจึงไม่ใช่แค่การเสริมทัพทั่วไป แต่เป็นการเติมเต็มจุดสมดุลในแดนกลางที่ทีมต้องการอย่างแท้จริง

เจมส์ แมดดิสัน – พรสวรรค์ที่ส่องแสงทันที

หลังจากย้ายจากนอริช ซิตี้มาร่วมทัพเลสเตอร์ ซิตี้ เจมส์ แมดดิสัน ก็แสดงให้เห็นทันทีว่าเขาคือเพลย์เมกเกอร์ที่มีศักยภาพสูง ทั้งการจ่ายบอล การคอนโทรลจังหวะ และการยิงจากนอกกรอบ ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นความฉลาดมากกว่าพละกำลัง แมดดิสันกลายเป็นศูนย์กลางของเกมรุกเลสเตอร์ในเวลาอันรวดเร็ว ความสามารถในการสร้างสรรค์เกมให้เพื่อนร่วมทีมมีทางเลือก และการยิงฟรีคิกที่แม่นยำทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อเกมอย่างชัดเจน ไม่ว่าเจอกับทีมใหญ่หรือทีมเล็ก เขาก็สามารถคุมจังหวะและดึงเกมให้เป็นไปตามแบบที่เขาต้องการได้ การย้ายทีมครั้งนั้นจึงเป็นก้าวที่ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่น่าจับตาที่สุดในอังกฤษ และเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษในช่วงหลังด้วย

อารอน แรมส์เดล – นายประตูที่กลับมาทวงศรัทธา

ก่อนจะย้ายมาอาร์เซนอล อารอน แรมส์เดล ถูกหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความเหมาะสม โดยเฉพาะหลังจากทีมจ่ายเงินจำนวนไม่น้อยเพื่อคว้าตัวเขาจากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ในเวลาไม่นาน เขาก็พิสูจน์ว่าเสียงวิจารณ์เหล่านั้นเป็นแค่เสียงรบกวน เพราะเขากลายเป็นกำลังหลักที่เปลี่ยนแปลงแนวรับของอาร์เซนอลได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่การเซฟประตู แต่ยังรวมถึงการสื่อสารกับแนวรับ ความมั่นใจในการเล่นบอลด้วยเท้า และการตัดสินใจที่แม่นยำในจังหวะสำคัญ แรมส์เดลคือนายประตูที่กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง และพร้อมแบกรับความกดดันทุกนาที การย้ายทีมของเขาจึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้อาร์เซนอลมีความมั่นใจมากขึ้นจากแนวรับสู่เกมรุก

อเล็กซานเดอร์ อิซัค – กองหน้าสายดุดันที่นิวคาสเซิลต้องการ

เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ย้ายจากเรอัล โซเซียดัด มานิวคาสเซิล ยูไนเต็ด หลายคนยังตั้งข้อสงสัยว่าเขาจะปรับตัวในพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่ แต่เพียงไม่กี่นัดแรก เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเร็ว ความเฉียบคม และทักษะเฉพาะตัวในการหาพื้นที่และจบสกอร์ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่แต่เคลื่อนที่คล่อง ทำให้แนวรับคู่แข่งต้องเจอกับความท้าทายทุกนัด อิซัคไม่ได้เป็นแค่กองหน้ารอบอลในเขตโทษ แต่ยังสามารถลงต่ำ เชื่อมเกม และลากบอลด้วยตัวเองได้ดี ทำให้เขากลายเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องและอันตรายที่สุดคนหนึ่งในลีก และการเข้ามาของเขาช่วยเติมเต็มเกมรุกให้กับนิวคาสเซิลได้อย่างชัดเจน ความสม่ำเสมอในการทำประตูของเขาทำให้แฟนบอลเชื่อมั่นว่านี่คือกองหน้าที่ทีมรอคอยมานาน

แจ็ค กรีลิช – การเปลี่ยนบทบาทสู่ทีมแชมป์

แจ็ค กรีลิช คือหนึ่งในนักเตะอังกฤษที่ถูกจับตามองมากที่สุดก่อนย้ายจากแอสตัน วิลล่าไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2021 ด้วยค่าตัวมหาศาลซึ่งกลายเป็นสถิติของพรีเมียร์ลีกในเวลานั้น หลายเสียงตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการเล่นกับทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับโลก แต่กรีลิชใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวและแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่เพียงดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ แต่เป็นนักเตะที่มีวินัยและเข้าใจระบบทีมอย่างลึกซึ้ง เขาอาจไม่ได้ยิงประตูหรือแอสซิสต์มากมายในช่วงแรก แต่ผลงานของเขานอกสถิติคือสิ่งที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่ามองเห็น การควบคุมจังหวะ การตัดสินใจในพื้นที่แคบ และการเชื่อมโยงเกมรุกทำให้เขากลายเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ซิตี้เล่นได้อย่างไหลลื่นและมีมิติหลากหลายขึ้น การย้ายของกรีลิชจึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มตำแหน่งในสนาม แต่เป็นการเพิ่มมิติทางยุทธศาสตร์ให้กับทีม การพิสูจน์ตัวเองในทีมระดับแชมป์และรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เขากลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ย้ายทีมแล้วสร้างผลลัพธ์ได้คุ้มค่าที่สุดในพรีเมียร์ลีก

สรุป

การย้ายทีมในพรีเมียร์ลีกมักถูกจับตามองอยู่เสมอ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของค่าตัวหรือชื่อเสียง แต่คือการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลต่อทิศทางของทั้งนักเตะและสโมสรอย่างชัดเจน ผู้เล่นทั้งสิบคนที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่า หากได้รับโอกาสและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พวกเขาสามารถดึงศักยภาพสูงสุดออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทีม ไม่ว่าจะเป็นแนวรุก แนวรับ หรือกลางสนาม การปรับตัวและความมุ่งมั่นที่แสดงออกมาในสนาม คือเหตุผลที่พวกเขากลายเป็นดีลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในพรีเมียร์ลีกช่วงที่ผ่านมา

บทความล่าสุด

Scroll to Top