ประวัตินักเตะฟุตบอล Mohamed Salah

เอฟซี บาเซิล (2012–2014)

ซาลาห์สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วในสโมสรเอฟซี บาเซิล ด้วยความสามารถในการทำประตูและความเร็วที่โดดเด่น เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์ สวิส ซูเปอร์ลีก (Swiss Super League) และได้แสดงฝีเท้าในรายการระดับยุโรป ซึ่งทำให้เขาได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ในยุโรป

เชลซี (2014–2016)

ในเดือนมกราคม 2014 ซาลาห์ย้ายไปร่วมทีม เชลซี (Chelsea) ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วยค่าตัวประมาณ 11 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ไม่สามารถหาตำแหน่งตัวจริงในทีมเชลซีได้ เนื่องจากโอกาสลงสนามที่จำกัด และเขาถูกปล่อยยืมตัวไปยังสโมสร ฟิออเรนติน่า (Fiorentina) และ เอเอส โรม่า (AS Roma) ในอิตาลี

ฟิออเรนติน่า และ เอเอส โรม่า (2015–2017)

การย้ายไปร่วมทีมฟิออเรนติน่าและต่อมาคือเอเอส โรม่า เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอาชีพของซาลาห์ ที่โรม่า เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม โดยทำประตูและแอสซิสต์อย่างสม่ำเสมอ ในฤดูกาล 2016–2017 เขายิงประตูได้ถึง 15 ประตูในเซเรียอา และช่วยให้โรม่าเป็นรองแชมป์ของลีก

ลิเวอร์พูล (2017–ปัจจุบัน)

ในเดือนมิถุนายน 2017 ซาลาห์ย้ายกลับมาพรีเมียร์ลีกและร่วมทีม ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวประมาณ 36.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติสโมสรในเวลานั้น ที่ลิเวอร์พูล ซาลาห์กลายเป็นดาวเด่นของทีมทันที และสร้างผลงานที่น่าทึ่งด้วยการทำประตู 44 ประตูในฤดูกาลแรกของเขา ซึ่งทำลายสถิติการทำประตูสูงสุดในฤดูกาลเดียวของพรีเมียร์ลีก

ซาลาห์ช่วยให้ลิเวอร์พูลเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี 2018 แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ให้กับเรอัล มาดริดในนัดชิงชนะเลิศ แต่ในฤดูกาลถัดมา (2018–2019) ซาลาห์ยังคงทำผลงานได้ดี และช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จ

ในฤดูกาล 2019–2020 ซาลาห์เป็นกำลังสำคัญในการพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของสโมสรในรอบ 30 ปี และเขายังคงเป็นกองหน้าตัวหลักที่ทำประตูให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง