เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van Dijk)

ประวัตินักเตะฟุตบอล Virgil van Dijk

Virgil van Dijk เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการป้องกัน การยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม และความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง เขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

  • ชื่อเต็ม: เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van Dijk)
  • วันเกิด: 8 กรกฎาคม 1991
  • สถานที่เกิด: เบรดา, ประเทศเนเธอร์แลนด์
  • ส่วนสูง: 193 ซม.
  • ตำแหน่ง: กองหลังตัวกลาง
  • สโมสรปัจจุบัน: Liverpool
  • ทีมชาติ: ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ชีวิตในวัยเด็กก่อนเริ่มต้นอาชีพ

ฟาน ไดจ์ค เกิดและเติบโตในเมืองเบรดา ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของ วิลเลม ทเว (Willem II) แต่ในช่วงแรกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านร่างกายและการเล่นในตำแหน่งต่างๆ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นกับทีมเยาวชนได้ แต่ฟาน ไดจ์คไม่เคยยอมแพ้ และในที่สุดก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ โกรนิงเก้น (Groningen) ในปี 2011

หัวข้อข่าว

เริ่มต้นอาชีพกับสโมสร

โกรนิงเก้น (2011–2013)

ฟาน ไดจ์คเริ่มต้นอาชีพอาชีพของเขากับทีมโกรนิงเก้นในลีกเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาได้สร้างชื่อเสียงในฐานะกองหลังตัวกลางที่มีความแข็งแกร่งและสามารถทำประตูได้จากลูกตั้งเตะ ในช่วงเวลานี้ เขาได้รับการยอมรับจากแฟนบอลและผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์และมีอนาคตที่สดใส

เซลติก (2013–2015)

ในปี 2013 ฟาน ไดจ์คย้ายไปร่วมทีม เซลติก (Celtic) ในสกอตแลนด์ ด้วยค่าตัวประมาณ 2.6 ล้านปอนด์ ที่นี่เขาได้แสดงฝีเท้าอย่างเต็มที่ กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่โดดเด่นที่สุดในลีกสกอตแลนด์ ด้วยความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมและความสามารถในการทำประตู ฟาน ไดจ์คช่วยให้เซลติกคว้าแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ชิพ 2 สมัย และ ลีกคัพ อีก 1 สมัย

เซาแทมป์ตัน (2015–2017)

ในปี 2015 ฟาน ไดจ์คย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกกับทีม เซาแทมป์ตัน (Southampton) ด้วยค่าตัวประมาณ 13 ล้านปอนด์ ที่นี่เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเล่นในลีกระดับสูง และกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ด้วยการยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ทางกายภาพ และความสามารถในการเล่นลูกกลางอากาศ ฟาน ไดจ์คได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป

ลิเวอร์พูล (2018–ปัจจุบัน)

ในเดือนมกราคม 2018 ฟาน ไดจ์คย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เขาเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในเวลานั้น ที่ลิเวอร์พูล ฟาน ไดจ์คกลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยยกระดับการเล่นของทีม โดยเฉพาะในด้านเกมรับ

ในฤดูกาล 2018–2019 ฟาน ไดจ์คมีบทบาทสำคัญในการพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA และ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า เขายังเป็นส่วนสำคัญในการพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2019–2020 ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร

การเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ฟาน ไดจ์คเริ่มต้นการเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในปี 2015 และกลายเป็นกองหลังตัวหลักของทีมชาติในเวลาต่อมา เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมชาติในปี 2018 และเป็นผู้นำที่สำคัญในการพาทีมชาติเนเธอร์แลนด์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่าเนชันส์ลีก ในปี 2019 แม้ว่าทีมจะแพ้ต่อโปรตุเกสในนัดชิงชนะเลิศก็ตาม

ฟาน ไดจ์คยังคงเป็นกำลังหลักของทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ รวมถึงการพาทีมชาติเนเธอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบในรายการใหญ่ๆ อย่างเช่น ยูโร และฟุตบอลโลก

รูปแบบสไตล์การเล่น

Virgil van Dijk เป็นกองหลังที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งในด้านการป้องกัน การเล่นลูกกลางอากาศ และความเป็นผู้นำ เขามีทักษะการยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมและสามารถอ่านเกมได้อย่างชาญฉลาด ทำให้เขาสามารถตัดบอลและป้องกันการบุกของฝ่ายตรงข้ามได้ดี

นอกจากนี้ ฟาน ไดจ์คยังมีความสามารถในการเล่นลูกตั้งเตะได้ดีมาก ทั้งในการทำประตูจากลูกเตะมุมและการส่งบอลจากลูกตั้งเตะ เขาเป็นกองหลังที่มีความคล่องตัวสูงและสามารถจัดการกับกองหน้าที่รวดเร็วได้ดี นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้นำในแผงหลัง และมีบทบาทสำคัญในการจัดการเกมรับของทีม

เกียรติประวัติของเขา

  • แชมป์พรีเมียร์ลีก: 2019–2020 กับลิเวอร์พูล
  • แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018–2019 กับลิเวอร์พูล
  • แชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ: 2019 กับลิเวอร์พูล
  • แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ: 2019 กับลิเวอร์พูล
  • แชมป์สกอตติช พรีเมียร์ชิพ: 2013–2014, 2014–2015 กับเซลติก
  • นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA: 2018–2019
  • นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า: 2018–2019

สรุป

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เป็นหนึ่งในกองหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการป้องกันและความเป็นผู้นำ เขาเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลและทีมชาติเนเธอร์แลนด์ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสามารถในการจัดการเกมรับและการเป็นผู้นำทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลอย่างมากในสนาม

บทความล่าสุด

Scroll to Top